Home / บทความทั้งหมด / ‘กองทุนรวมดัชนี’ กองทุนที่มือใหม่ควรมี ประดับพอร์ต !

‘กองทุนรวมดัชนี’ กองทุนที่มือใหม่ควรมี ประดับพอร์ต !

ถ้าพูดถึงการลงทุนแล้ว มือใหม่หลายคนคงจะนึกถึง หุ้น เป็นอย่างแรกๆ แต่การที่จะลงทุนในหุ้นแต่ละตัวนั้น นอกจากจะต้องศึกษาการลงทุน วิเคราะห์บริษัท หรืออ่านงบการเงินให้เป็นแล้ว

การลงทุนในหุ้นก็ยังมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ ทำให้มือใหม่หลายๆคนอาจจะไม่รู้ว่าควรลงทุนอะไรดี

บัตรกดเงินสด ซิตี้ เรดดี้เครดิต

วันนี้พี่โอกาสมีทางออกสำหรับมือใหม่มาฝากกันครับ นั้นก็คือ กองทุนรวมดัชนี กองทุนรวมดัชนีคืออะไร แล้วมันดีอย่างไร ทำไมมือใหม่ถึงต้องมีไว้ประดับพอร์ต ติดตามกันได้เลยครับ

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ที่ยังไม่ค่อยมีความรู้ด้านการเงินแต่ต้องการลงทุนในหลักทรัพยที่ไม่เสี่ยงมาก และให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว กองทุนดัชนีก็เป็นคำตอบที่น่าสนใจครับ

ปัจจุบันนักลงทุนต่างประเทศหลายคนเริ่มให้ความสำคัญกับกองทุนรวมดัชนีมากขึ้น ซึ่งแม้แต่ Warren Buffett ปรมาจารย์การลงทุนก็ยังให้แนะนำลงทุนในกองทุนประเภทนี้ !

เริ่มอยากรู้จักกองทุนรวมดัชนีมากขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ ก่อนอื่นสำหรับคนที่ยังไม่รู้ เราจะมาเริ่มกันตั้งแต่ กองทุนรวมคืออะไร ก่อนเลยครับ

กองทุนรวม คืออะไร?

กองทุนรวม คือการระดมเงินทุนจากนักลงทุนหลายรายๆมารวมกันให้เป็นเงินลงทุนก้อนใหญ่ โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน

เพื่อนำไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทน หลังจากนั้นก็จะนำผลตอบแทนที่ได้มาแบ่งกับนักลงทุนที่ซื้อกองทุน

กองทุนรวมมีกี่ประเภท?

กองทุนรวมนั้นสามารถแบ่งได้หลักๆเป็น 2 ประเภท นั่นก็คือแบบ Active กับแบบ Passive

กองทุนแบบ Active

กองทุนแบบ Active กองทุนที่มีกลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุก ที่มีเป้าหมายในการ ทำกำไรสูงที่สุด หรือ เอาชนะตลาด ซึ่งกองทุนแบบนี้จะมีค่าธรรมเนียมสูง เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์เพื่อหาหลักทรัพย์ตัวที่ดีที่สุดมาอยู่ในพอร์ต

กองทุนแบบ Passive

กองทุนแบบ Passive นั้นจะเป็นกองทุนที่มีกลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรับ โดยจะ เน้นลงทุนตามตลาด โดยผลตอบแทนของกองทุนจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามการปรับตัวของตลาดนั่นเอง

กองทุนดัชนี เป็นกองทุนรูปแบบไหน ?

กองทุนรวมดัชนี ถือว่าเป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนแบบ Passive เพราะจะมีนโยบายลงทุนที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง

เช่น ถ้าเป็นกองทุนรวมดัชนี SET50 กองทุนจะลงทุนหุ้นทุกตัวในดัชนี SET50 โดยสัดส่วนจำนวนของหุ้นแต่ละตัวที่มีในกองทุน จะคำนวณมาจากขนาด มูลค่าบริษัท หรือ Market cap นั่นเอง

ซึ่งการลงทุนแบบนี้จะเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ไม่สูงมาก และ เหมาะกับคนที่อยากจะมีผลตอบแทนมั่นคงในระยะยาวครับ

กองทุนรวมดัชนี มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง ?

หลังจากรู้กันแล้วว่ากองทุนดัชนีคืออะไรแล้ว เรามาดูข้อดีข้อเสียของกองทุนรวมดัชนีกันเลยครับ…

ข้อดีของกองทุนรวมดัชนี

  • ค่าธรรมเนียมต่ำ เนื่องจากเป็นการซื้อหุ้นทุกตัวให้ได้ผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงจึงมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนแบบ Active เนื่องจากมีค่าบริหารจัดการที่ต่ำกว่า
  • คาดการณ์ผลตอบแทนได้ง่าย เพราะลงทุนตามดัชนีอ้างอิง ผลตอบแทนจึงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีอ้างอิง ทำให้คาดการณ์ได้ง่าย ถ้าตลาดหุ้นตกผลตอบแทนก็อาจจะน้อยตามตลาด ตลาดหุ้นมีแนวโน้มดี ผลตอบแทนก็อาจจะมากขึ้น
  • ไม่มีความเสี่ยงที่เกิดจากหุ้นแต่ละตัว เพราะเป็นการลงทุนในหุ้นทุกตัว จึงเป็นการกระจายความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากหุ้นแต่ละตัว ให้เหลือแค่เพียงความเสี่ยงของตลาดเท่านั้น
  • ให้ผลตอบแทนดีในระยะยาว จากผลวิจัยของหลายๆแหล่ง กองทุนที่มีนโยบายแบบ Passive มีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าแบบ Active ในระยะยาว

ข้อเสียของกองทุนรวมดัชนี

  • มีโอกาสผันผวนตามสภาวะตลาด เนื่องจากเป็นการลงทุนเพื่อให้ใกล้เคียงตัวดัชนี บางครั้งเมื่อตลาดมีความผันผวน ก็อาจจะทำให้ผลตอบแทนของกองทุนผันผวนตามตลาดได้
  • ผลตอบแทนมีการหักค่าธรรมเนียม การซื้อกองทุนจำเป็นต้องมีค่าธรรมเนียมเสมอ ทำให้ผลตอบแทนที่ได้จะน้อยกว่าผลตอบแทนตลาดเล็กน้อย
  • จำเป็นต้องซื้อหุ้นทุกตัวในตลาด จากเป็นการลงทุนตามดัชนี ทำให้กองทุนจำเป็นต้องซื้อทั้งหุ้นที่ดีและไม่ดี แต่ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ โดยการซื้อกองทุนดัชนีที่อ้างอิงหุ้นพื้นฐานดีอย่าง SET50

สำหรับใครที่อยากลงทุนกองทุนรูปแบบนี้ การเปรียบเทียบ ค่าธรรมเนียม ของกองทุนแต่ละกองถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากครับ

เนื่องจากว่าในแต่ละกองทุนจะให้ผลตอบแทนในจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกัน การมีต้นทุนที่ต่ำกว่าอย่างการประหยัดค่าธรรมเนียมจึงส่งผลอย่างมากในการลงทุน

สุดท้ายนี้ลงทุนกองทุนกันแล้ว ก็อย่าลืมลงทุนความรู้ด้วยการติดตามเพจ FINSTREET กันบ่อยๆด้วยนะครับ

อ้างอิงข้อมูลจาก : seekingalpha, investing

Droplead New

Let us know who you are