อุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นได้ทุกที่ แต่แม้ว่าเราจะขับรถอย่างระมัดระวังแค่ไหน ก็มีสิทธิ์จะถูกชนได้เช่นกัน หากอีกฝ่ายประมาท และปัญหาที่คนขับรถแทบทุกคนต้องเคยเจอก็คือ จอดรถเฉยๆ หรือขับรถอยู่ดีๆ “รถโดนชนท้าย” ซะงั้น มือใหม่หัดขับอาจไม่รู้วิธีรับมือว่า ควรโทรแจ้งใครคนแรก บริษัทประกันหรือตำรวจ แล้วหากรถเสียหายร้ายแรง สามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง พี่โอกาสได้สรุปคู่มือฉบับง่ายมาให้แล้ว ไปดูกันเลยครับ
รถโดนชนท้าย ทำยังไง ต้องโทรแจ้งใครคนแรก
รถโดนชนท้าย เป็นอุบัติเหตุยอดฮิตที่เจอได้บ่อยบนท้องถนน ทั้งเกิดจากความไม่ตั้งใจ ประมาท เหยียบเบรกไม่ทัน หรือลดความเร็วกะทันหัน ยิ่งช่วงไหนที่ฝนตกด้วยละก็ เรียกได้ว่าแทบจะเห็นกันทุกวัน แม้เราจะจอดรถไว้เฉยๆ ก็ถูกชนได้เช่นกัน กรณีนี้บางคนก็อาจกังวลว่า ถ้าคู่กรณีไม่มีประกันจะทำยังไง กลัวว่าจะเคลมประกันไม่ได้ หรือไม่ได้ค่าเสียหายเลยสักบาท อย่าเพิ่งตกใจไป ตามไปดูวิธีรับมือแต่ละขั้นตอนกันเลยครับ
โดนชนท้าย คู่กรณีมีประกัน
จอดรถอยู่ดีๆ โดนชนแล้วตกใจ สติหลุด ไม่รู้ต้องทำยังไง พี่โอกาสขอให้ใจเย็นๆ ขั้นตอนที่ต้องทำในทันทีหากรถถูกชนท้ายมีแค่ 4 ข้อเท่านั้นครับ ซึ่งหากอีกฝ่ายทำประกันรถยนต์เอาไว้ด้วย ก็จะคุยกันง่ายขึ้นหน่อย เพราะอย่างน้อยอีกฝ่ายก็มีบริษัทประกันที่สามารถชดเชยค่าเสียหายให้เราได้เต็มที่ครับ
ตั้งสติ และหยุดรถทันที
หากรถถูกชนท้าย ขั้นตอนแรกเพื่อนๆ ต้องตั้งสติ และจอดรถในทันทีครับ แน่นอนว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะต่างฝ่ายก็ต่างเสียเวลากันทั้งคู่ หรืออาจจะเกิดจากความไม่ตั้งใจด้วย ดังนั้น พยายามสงบสติอารมณ์ก่อนครับ แต่หากเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงจนมีคนได้รับบาดเจ็บ ก็ให้รีบโทรเรียกรถพยาบาล เพื่อนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดครับ (อย่าพยายามเคลื่อนย้ายตัวผู้บาดเจ็บนะครับ)
โทรแจ้งบริษัทประกัน
หากอุบัติเหตุครั้งนี้ ไม่มีผู้บาดเจ็บใดๆ ก็ให้โทรหาบริษัทประกันรถยนต์ที่เราทำไว้เป็นอันดับถัดไปครับ จำไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นการชนร่องรอยเล็กๆ หรือใหญ่ ก็ต้องโทรหาบริษัทประกันทุกครั้ง จะชนอยู่ตรงไหน เวลาไหนก็ต้องโทร แม้อีกฝ่ายจะขอให้ยอมความ ขอให้ยกโทษให้ สัญญาว่าจะซ่อมให้อย่างดี หรือบอกว่ายังไงก็จะจ่ายค่าเสียหายให้ก็ตาม ก็ต้องมีบริษัทประกันมาช่วยดูแลให้ครับ เพื่อไม่ให้กลายเป็นสัญญาปากเปล่านั่นเอง
ดูภาพจากกล้องหน้ารถ
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกอย่างกล้องติดหน้ารถ ซึ่งเป็นหลักฐานได้อย่างดีว่า ใครเป็นฝ่ายผิด ใครเป็นฝ่ายถูก แต่หากว่าทั้งเราและคู่กรณีต่างก็ไม่มีกล้องหน้ารถ ทีนี้ก็ต้องใช้ความจำเข้าช่วยแล้วล่ะครับ พยายามและค่อยๆ นึกย้อนเหตุการณ์ว่าเป็นยังไง เราขับยังไง หรือเราจอดอยู่ อีกฝ่ายมาชนได้ยังไง เพราะเราต้องนำไปเล่าคร่าวๆ ให้บริษัทประกันฟัง และระวังอย่าให้อีกฝ่ายพูดโกหก หรือใส่ความให้เราเป็นฝ่ายผิดด้วยนะครับ โดยข้อมูลคร่าวๆ ที่เราต้องเล่าตอนโทรคุยกับบริษัทประกัน ก่อนที่ตัวแทนจะมาถึง มีดังนี้ครับ
- แจ้งหมายเลขกรมธรรม์
- ชื่อ นามสกุล เจ้าของรถ
- ทะเบียน และยี่ห้อรถยนต์
- วัน เวลา สถานที่เกิดเหตุ ที่ควรระบุให้ชัดเจน
- ข้อมูลของคู่กรณี เช่น เลขป้ายทะเบียน ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ใบขับขี่ หรืออื่นๆ
- รายละเอียดเหตุการณ์คร่าวๆ
ถ่ายรูป เพื่อเก็บเป็นหลักฐาน
ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่บริษัทประกันเดินทางมา ก็ให้ถ่ายรูปร่องรอยที่ถูกชน รวมถึงป้ายทะเบียนของคู่กรณีเอาไว้ให้เรียบร้อย เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพราะหากโดนชนจากด้านหลัง ภาพที่ได้จากกล้องติดหน้ารถย่อมมองไม่เห็นแน่นอน และป้องกันคู่กรณีขับรถชิ่งหนีออกไปด้วย ถ้ามีเลขทะเบียน เราก็จะสามารถตามตัวได้ครับ
เคลียร์แล้วไม่จบ ต้องโทรเรียกตำรวจ
ถ้าบริษัทประกันมาถึงแล้วทั้งสองฝ่าย และมีการตกลงพูดคุยกันเรียบร้อย ว่าจะชดใช้ยังไง เท่าไหร่ ประกันแต่ละฝ่ายออกใบเคลมให้ กรณีนี้ก็ถือว่าจบไป สามารถแยกย้ายกันไปซ่อมรถได้เลยครับ แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้ หรืออีกฝ่ายไม่ยอมรับผิด ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนช่วยตัดสินแทนครับ
โดนชนท้าย คู่กรณีไม่มีประกัน
เป็นปัญหาที่เชื่อว่าหลายคนเจอบ่อย รถโดนชนก็เซ็งไปทีนึงแล้ว คู่กรณีที่มาชนก็ดันไม่ทำประกันรถยนต์เอาไว้อีก เงินชดเชยก็กลัวจะไม่ได้ ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง พี่โอกาสเตรียมวิธีง่ายๆ มาให้ทุกคนแล้วครับ
โทรแจ้งบริษัทประกันอันดับแรก
แม้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำประกันไว้ แต่ถ้าเราทำประกันรถยนต์เตรียมเอาไว้ ก็ให้โทรหาเจ้าหน้าที่เลยครับ ขั้นตอนก็คล้ายกับที่กล่าวไปข้างต้น เล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ชื่อ นามสกุล เลขทะเบียน ยี่ห้อรถของเรา ให้บริษัทประกันรับทราบ แล้วรอให้เจ้าหน้าที่มาถึง ระหว่างรอก็ถ่ายรูปร่องรอยจากการชน ป้ายทะเบียนอีกฝ่ายไปครับ
แจ้งความ หรือลงบันทึกประจำวัน
หลังจากเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันเดินทางมาถึง พูดคุยข้อตกลง และเรียกค่าเสียหายเรียบร้อยแล้ว ก็ควรไปแจ้งความ หรือลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ เพื่อให้เป็นหลักฐานสำคัญว่าคู่กรณีจะจ่ายเงินชดเชยให้เราแน่นอน ในรายละเอียดบันทึกก็ควรเขียนให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น จำนวนเงินที่จะชดใช้ ชื่อ นามสกุลของคู่กรณี เบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้สามารถติดต่อ ทวงหนี้ หรือฟ้องร้องหากคู่กรณีหนีหรือไม่ยินยอมจ่ายเงินครับ
บริษัทประกันคอยติดตาม ทวงหนี้จากคู่กรณี
สำหรับการติดตาม ทวงหนี้จากคู่กรณีนั้นเป็นหน้าที่ของบริษัทประกันครับ หากอีกฝ่ายชำระเงินชดเชยให้เรียบร้อย ครบจำนวนแล้ว ทางบริษัทประกันก็ต้องนำรถของเราไปซ่อม และนำเงินนั้นจ่ายค่าซ่อมให้เราครับ
รถโดนชนท้าย เป็นฝ่ายถูก เรียกร้องค่าเสียหายอะไรได้บ้าง
กรณีที่เราโดนรถชนท้าย และเป็นฝ่ายถูก เช่น จอดรถอยู่เฉยๆ หรือขับรถตามปกติ ด้วยความเร็วที่กฎหมายกำหนด หรืออื่นๆ แล้วเกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะต่อตัวรถ หรือเราได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยใดๆ ก็ตาม เราสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีได้ครับ รายละเอียดจะมีอะไรบ้าง ตามพี่โอกาสมาดูกันเลย!
ค่าเสียหายต่อตัวรถยนต์
ไม่ว่าจะเป็นรอยขีดข่วนเล็กน้อย หรือชนอย่างรุนแรง ประกันของคู่กรณีมีหน้าที่จ่ายค่าเสียหายตามความเหมาะสม และประกันต้องออกใบเคลม เพื่อเป็นหลักฐานให้เราไปนำติดต่อขอซ่อมกับอู่ โดยเราสามารถเลือกได้ว่า จะซ่อมอู่ในเครือของประกันภัยคู่กรณี หรือซ่อมในอู่หรือศูนย์ที่เราต้องการ ซึ่งวิธีหลัง เราต้องนำรถไปให้บริษัทประกันดูความเสียหาย และประเมินราคาเบื้องต้น ก่อนที่เราจะสามารถนำรถไปซ่อมได้ครับ
และหากรถของเราเสียหายหนัก จนไม่สามารถขับไปต่อได้ บริษัทประกันก็มีหน้าที่เคลื่อนย้ายรถ ลากรถ หรือยกรถไปยังอู่ซ่อม โดยที่เราไม่จำเป็นต้องออกค่าใช้จ่ายใดๆ ครับ
ค่าทรัพย์สินเสียหาย
หากทรัพย์สินภายในรถ เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรืออื่นๆ ได้รับความเสียหายจากการถูกชน ก็สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้เช่นกัน ซึ่งอีกฝ่ายจะชดใช้ตามความเหมาะสม และแน่นอนว่าเงินชดเชยไม่ได้ในอัตราราคาเต็ม เพราะของที่เสียหายนั้นถูกใช้งานมาแล้วสักพัก ก่อนรถจะถูกชนครับ
เงินชดเชย กรณีได้รับบาดเจ็บ
ในกรณีที่รถถูกชนท้ายและโดนแรงกระแทกจนได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย ประกันรถยนต์ของอีกฝ่ายมีหน้าที่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล และเยียวยาคุณจนกว่าจะหายดี นอกจากนี้ เราจะได้เงินชดใช้ความเสียหายเบื้องต้นตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 จาก ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ที่เราทำไว้ด้วยครับ
- กรณีเกิดอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บ: ค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 30,000 บาท
- ผู้ประสบภัยได้รับความเสียหายต่อร่างกาย (สูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ): ค่าเสียหายเบื้องต้น 35,000 บาทต่อคน
- กรณีเสียชีวิต: ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดการศพ 35,000 บาทต่อคน
ไม่มีรถใช้ ได้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
บางคนต้องใช้รถในการขับไปทำงานทุกวัน เมื่อรถเสียหายจนไม่สามารถใช้งานต่อได้ ต้องใช้บริการแท็กซี่หรือรถสาธารณะแทน คู่กรณีก็ต้องจ่ายค่าเสียหายที่เรียกว่า ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
ตัวอย่างเช่น เราจำเป็นต้องขับรถไปที่ทำงานบริเวณอโศกทุกวัน เมื่อรถถูกนำไปซ่อม จึงต้องเรียกรถไปทำงานแทน บริษัทประกันมีหน้าที่ชดเชยค่าเรียกรถให้จนกว่ารถจะซ่อมเสร็จครับ แต่เมื่อปี พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา คปภ. ได้กำหนดอัตราการเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถอยู่ที่ ไม่น้อยกว่า 500 บาทต่อวัน
สรุป
จากที่อ่านไปแล้ว เพื่อนๆ คงเห็นแล้วนะครับว่า การทำประกันรถยนต์ไว้นั้นสะดวกขนาดไหน ไม่ต้องจัดการเองทั้งหมด แถมมีคนคอยช่วยเจรจาและเรียกร้องค่าเสียหายให้เราด้วยหากเกิดปัญหาขึ้น อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ ย่อมไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ดังนั้น ขับขี่อย่างปลอดภัยและไม่ประมาทนะครับ