สำหรับคนมีรถยนต์ การทำประกันรถยนต์ เป็นสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องทำ เพราะประกันรถจะช่วยบริหารความเสี่ยงให้กับคุณได้มากๆ เวลาขับรถก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงๆหากเกิดอุบัติเหตุ
แต่การทำประกันรถยนต์นั้นมี ค่าใช้จ่ายคงที่ (fixed cost) ที่คุณต้องจ่ายตลอดกรมธรรม์ นั่นก็คือ “ค่าเบี้ยประกัน” ซึ่งถ้าคุณจ่ายค่าเบี้ยไปเรื่อยๆโดยไม่ทำอะไรเลย บางครั้งเบี้ยประกันก็อาจทำคุณกระเป๋าฉีกได้..
แม้ว่าเบี้ยประกันจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเจอทุกปีทุกเดือน แต่เชื่อว่าบางคนอาจไม่เคยรู้ว่า จริงๆแล้วค่าเบี้ยประกันรถที่เราจ่ายกันบ่อยๆนั้น มีส่วนลดค่ามากกว่าที่คุณคิด !
วันนี้พี่โอกาสจะพาไปดูกันว่า ประกันรถยนต์ จะมีส่วนลดค่าเบี้ยอะไรบ้าง สำหรับใครที่มีรถ แล้วอยากประหยัดค่าเบี้ยประกัน บอกเลยว่าโพสต์นี้ห้ามพลาด !
1. ระบุชื่อผู้ขับขี่
การระบุชื่อผู้ขับขี่ เป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดค่าเบี้ยประกัน ซึ่งสามารถแจ้งกับตัวแทนได้ว่าต้องการระบุชื่อลงในกรมธรรม์
การลดค่าเบี้ยประกันรูปแบบนี้ ส่วนลดจะเพิ่มตามอายุของคนขับ โดยเพิ่มเป็นขั้นบันได และบางที่อาจระบุชื่อได้สูงสุด 2-3 คน ซึ่งจะได้ส่วนลดค่าเบี้ยตามผู้ขับขี่ที่อายุน้อยที่สุด
ช่วงอายุ | ส่วนลดค่าเบี้ย |
18 – 24 ปี | 5% |
25 – 35 ปี | 10% |
36 – 50 ปี | 15% |
มากกว่า 50 ปี | 20% |
ส่วนลดรูปแบบนี้จะไม่เหมาะกับรถที่มีคนขับหลายคน เช่น เพื่อนขับบ้าง ญาติพี่น้องขับบ้าง เพราะถ้าคนที่ไม่ได้ระบุชื่อ นำไปขับแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะโดนเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรกค่อนข้างสูง
2. รับความเสี่ยงไว้เองบางส่วน
การรับความเสี่ยงไว้เองบางส่วน หรือการทำประกันแบบ Deductible คือการที่เราเลือกที่จะรับความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งไว้เองบางส่วน
ซึ่งหากเราเลือกที่จะรับผิดชอบ ค่าเสียหายส่วนแรก เองแบบสมัครใจ จะไม่เหมือนกับแบบภาคบังคับที่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วคุณเป็นฝ่ายผิด
การทำประกันแบบ Deductible จะทำให้คุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นบางส่วน เลยทำให้บริษัทประกันเค้า คิดค่าเบี้ยถูกลง กว่าแบบทั่วไป
โดยปกติแล้วบริษัทประกันจะมีแพ็กเกจ หรือเงื่อนไขให้เลือกตั้งแต่ซื้อประกันรถ ยิ่งคุณรับความเสี่ยงไว้เองเยอะ ค่าเบี้ยก็ยิ่งถูก แต่ก็ไม่ได้มีเงื่อนไขแบบ Deductible ทุกบริษัทนะครับ ลองสอบถามตัวแทนให้ดีก่อนซื้อประกัน
เช่น ถ้าปกติค่าเบี้ยประกันอยู่ที่ 15,000 บาท หากคุณเลือกระบุค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท บริษัทประกันก็อาจลดค่าเบี้ยให้คุณเหลือเหลือ 13,000 บาท
3. ขับรถดี มีส่วนลด
ขับรถดีมีส่วนลด ยิ่งขับรถดี ก็หมายความว่า ความเสี่ยงน้อย บริษัทประกันเค้าก็ยิ่งชอบครับ ซึ่งถ้าคุณไม่มีการเคลม หรือมีการเคลมแต่เราไม่ได้ผิด คุณจะได้ “ส่วนลดประวัติดี”
คิดง่ายๆคือถ้าคุณขับรถดี บริษัทประกันก็ไม่ต้องจ่ายเคลมบ่อยๆ ทำให้ค่าเบี้ยถูกลง ยิ่งไม่มีการเคลมติดต่อกันนานเท่า ส่วนลดค่าเบี้ยก็ยิ่งมาก โดยอาจได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 50% เลยที่เดียวครับ ดูจากตารางได้เลย
จำนวนปีที่ไม่เคลม | ส่วนลดค่าเบี้ย |
ปีแรก | 20% |
2 ปีติดต่อกัน | 30% |
3 ปีติดต่อกัน | 40% |
4 ปีติดต่อกัน | 50% |
4. เทคนิคลดค่าเบี้ยเพิ่มเติม
นอกจากส่วนลดประกัน วิธีที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เรายังสามารถลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์เพิ่มเติมได้อีกดังนี้ :
- ไม่เลือกซ่อมศูนย์ ปกติในแพ็กเกจประกันจะมีให้เลือกว่า คุณจะซ่อมอู่หรือซ่อมศูนย์ ซึ่งถ้าเลือกซ่อมอู่จะได้ค่าเบี้ยที่ถูกกว่า
- ติดกล้องหน้ารถ การติดกล้องหน้ารถสามารถช่วยประหยัดค่าเบี้ยไปได้ประมาณ 5-10 %
- ลดความคุ้มครอง ประกันบางแห่งอาจให้คุณเลือกตัดความคุ้มครองไปได้ เช่น ถ้าบ้านไม่น่าจะมีน้ำท่วม ก็อาจตัดความคุ้มครองส่วนนี้ได้ เพื่อให้ค่าเบี้ยถูกลง
- ส่วนลดขับน้อย สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้ขับรถ เข็มไมล์น้อย บางครั้งบริษัทประกันก็มักจะลดค่าเบี้ยให้ ลองสอบถามตัวแทนกันดูนะครับ
- เปรียบเทียบประกัน บางครั้งประกันรถยนต์ที่ความคุ้มครองใกล้เคียงกันก็จ่ายค่าเบี้ยไม่เท่ากัน บางเจ้าถูกกว่า บางเจ้าแพงกว่า ลองเปรียบเทียบดูหลายๆบริษัท จะได้คุ้มๆ
- ลดประกันรถที่ไม่ได้ใช้ สำหรับบางคนมีรถจอดทิ้งไว้ไม่ได้ใช้ แต่จ่ายค่าเบี้ยไปฟรีๆทุกปีทุกเดือน แนะนำว่าไปลดชั้นประกันเถอะครับจะได้ประหยัดขึ้น เช่น ลดจากประกันรถชั้น 1 เป็นประกันชั้น 3
สำหรับใครที่ชอบวิธีไหนก็ลองนำไปปรับใช้กันดูนะครับ เพราะถ้าจ่ายค่าเบี้ยประกันไปเรื่อยๆโดยไม่ขอส่วนลดเลย บางครั้งก็อาจทำให้คุณจ่ายเงินไปโดยเสียประโยชน์ได้ !
ด้วยความปรารถนาดีจาก FINSTREET