Home / บทความทั้งหมด / กู้ซื้อบ้าน แล้วเสียชีวิต ใครผ่อนบ้านต่อ?

กู้ซื้อบ้าน แล้วเสียชีวิต ใครผ่อนบ้านต่อ?

กู้ซื้อบ้าน

กู้ซื้อบ้าน มักจะใช้ระยะเวลานานกว่าจะผ่อนหมด เพราะการกู้ซื้อบ้านเป็นหนี้สินระยะยาวที่กินเวลา 20-30 ปีโดยประมาณ หรือเกือบครึ่งชีวิตเลยก็ว่ได้ กว่าจะฝ่าฝันขอกู้ซื้อบ้านได้ ก็เลือดตาแทบกระเด็น แต่แล้ววันหนึ่ง บ้านที่อบอุ่นก็ไม่เหมือนเดิม เมื่อใครสักคนในบ้านด่วนจากไป ความรู้สึกคงไม่ต่างอะไรกับโลกหยุดหมุน หากคนเสียชีวิตคือผู้กู้ซื้อบ้าน ใครจะต้องผ่อนต่อ ใช่ผู้รับผลประโยชน์หรือเปล่า

‘ผู้กู้ร่วม’ ด่านแรกของความรับผิดชอบในการ “กู้ซื้อบ้าน”

“ผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน” เป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้การกู้ซื้อบ้านผ่านง่ายขึ้น และวงเงินสูงขึ้นด้วย เพราะเป็นการแสดงให้สถาบันการเงินเห็นว่า เรามีความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าเราจะหนีหนี้นั่นเอง

ดังนั้นผู้กู้ซื้อบ้านและผู้กู้ร่วมซื้อบ้านจะอยู่ในสถานะ “มีภาระหนี้ร่วมกัน”​ ถ้าหากว่าผู้กู้ซื้อบ้าน ผ่อนบ้านไม่ไหว คนที่รับผิดชอบในลำดับถัดไปจะเป็นผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน ในกรณีที่ผู้กู้ซื้อบ้านเสียชีวิตลง ผู้ที่ต้องรับผิดชอบชำระหนี้สินบ้านต่อจะตกเป็นของ ผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน ในทันทีครับ

กู้ซื้อบ้าน ร่วมกับใครได้บ้าง?

กู้ร่วม

ผู้กู้ร่วม จะต้องเป็นบุคคลที่มีสายเลือดเดียวกัน หรือมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับผู้กู้ซื้อบ้าน โดยจะมีกรรมสิทธ์ในบ้านหลังนั้น รวมถึงต้องรับผิดชอบหนี้บ้านหลังจากที่ผู้กู้ซื้อบ้านได้เสียชีวิตลงด้วย ซึ่งผู้กู้ร่วมมักจะได้แก่

  • สามีหรือภรรยา ที่จดทะเบียนกัน หรือ ยังไม่จดทะเบียนกัน
  • พี่น้องท้องเดียวกัน สายเลือดเดียวกัน นามสกุลเหมือนกัน
  • พี่น้องท้องเดียวกัน คนละนามสกุล (ต้องยื่นสูติบัตรว่า มีพ่อหรือแม่คนเดียวกัน)

ในกรณีที่กู้ซื้อบ้านคนเดียว ไม่มีผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน หนี้บ้านจะตกเป็นของทายาท หรือผู้รับผลประโยชน์ของผู้กู้ซื้อบ้าน

กู้ซื้อบ้าน แล้วเสียชีวิต หนี้บ้านตกเป็นของผู้รับผลประโยชน์

บ้านถือเป็นทรัพย์สินตามกฎหมายของผู้กู้ซื้อ และ “หนี้บ้าน” ก็เป็นสิ่งที่ผู้กู้ซื้อต้องรับผิดชอบตามระยะเวลาการผ่อนบ้าน โดยต้องผ่อนจ่ายทุกเดือนจนถึงงวดสุดท้าย

แต่เมื่อผู้กู้ซื้อบ้านเสียชีวิตลง และไม่มีใครเป็นผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน คนที่ต้องรับช่วงต่อจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจาก “ผู้รับผลประโยชน์” ไม่ใช่แค่ทรัพย์สินอย่างบ้านจะตกเป็นของผู้รับผลประโยชน์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความรับผิดชอบของผู้กู้ซื้อบ้านคนก่อนด้วย นั่นหมายถึงว่า ทายาทที่ได้รับมรดกตกทอด หรือผู้รับผลประโยชน์ จะต้องผ่อนบ้านต่อจนกว่าจะครบสัญญา ซึ่งผู้ที่รับหน้าที่ชำระหนี้ต่อนั้นต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และธนาคารประเมินแล้วว่า มีความสามารถในการผ่อนจ่ายหนี้ครับ

ทางเลือกของผู้รับผลประโยชน์ ในการผ่อนบ้านต่อ

อย่างที่ทราบว่า ภาระหนี้จะตกเป็นของผู้รับผลประโยชน์ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น อาจจะฟังดูแล้วหนัก เพราะต้องรับภาระก้อนใหญ่ แต่ผู้รับผลประโยชน์ก็ยังมีทางเลือกในการผ่อนบ้านต่อ ดังนี้

1. ผ่อนบ้านต่อไม่ไหว ปล่อยยึด

ในกรณีที่ผู้รับผลประโยชน์ผ่อนบ้านไม่ไหว หรือปฏิเสธที่จะรับทรัพย์สินบ้านต่อผู้กู้ซื้อบ้านที่เสียชีวิตไปแล้ว ทางสถาบันการเงินจะยึดทรัพย์สินบ้าน ประเมินราคา และทำการปล่อยบ้านขายทอดตลาด โดยจะนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดมาใช้หนี้ที่คงค้างอยู่กับสถาบันการเงิน ซึ่งส่วนมากยอดเงินที่ปล่อยบ้านขายทอดตลาด จะได้จำนวนที่น้อยกว่าหนี้ผ่อนบ้าน ทำให้ผู้รับผลประโยชน์ต้องชำระหนี้ต่อจนกว่าจะหมด แต่จำนวนเงินจะน้อยลงจากเดิมครับ

2. ผ่อนบ้านต่อจนหมดสัญญา

สำหรับบางคน บ้านเป็นมรดกตกทอดก้อนโหญ่ ทำให้ผู้รับผลประโยชน์จึงเลือกที่จะเก็บทรัพย์สินเอาไว้ แต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้จะทำการประเมินหนี้อีกครั้งว่า หนี้ผ่อนบ้านเหลือเท่าไหร่ บวกกับความสามารถในการผ่อนบ้านของผู้รับผลประโยชน์ เรียกว่าเป็นการกู้ซื้อบ้านอีกครั้ง ถ้ากู้ผ่าน ผู้รับผลประโยชน์ก็กู้ซื้อบ้านและผ่อนต่อให้หมด

แต่ในกรณีที่สถาบันการเงินประเมินว่า ผู้กู้ไม่สามารถผ่อนบ้านต่อได้ ก็จะเข้าสู่กระบวนการขายบ้านทอดตลาด และนำเงินที่ได้จากการขายบ้านมาใช้หนี้ผ่อนบ้านให้กับสถาบันการเงิน และใช้หนี้บ้านที่เหลือจากยอดทั้งหมดต่อไป

ประกันคุ้มครองหลักทรัพย์ (MRTA) ฮีโร่ตัวจริงของคนรักบ้าน !

ประกันคุ้มครองหลักทรัพย์​ หรือ ประกัน MRTA จะเป็นหลักประกันว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับผู้กู้ซื้อบ้าน ภาระหนี้สินบ้านจะไม่ตกเป็นของผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน หรือผู้รับผลประโยชน์ในภายหลัง ซึ่งประกัน MRTA จะเป็นประกันชีวิตที่คุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ซึ่งหากผู้กู้เสียชีวิตประกันก็จะจ่ายหนี้ให้ตามความคุ้มครอง โดยจะมีทั้งคุ้มครองเต็มวงเงิน และคุ้มครองไม่เต็มวงเงิน

เช่น ถ้ากู้ซื้อบ้าน 3 ล้าน ผ่อน 30 ปี แล้วทำประกัน MRTA แบบเต็มวงเงิน ประกันจะคุ้มครอง 3 ล้านบาท เป็นเวลา 30 ปี ซึ่งเมื่อผู้กู้เสียชีวิตระหว่างผ่อน ผู้รับประโยชน์ก็จะไม่ต้องรับภาระหนี้เลย

และเราสามารถเลือกได้ว่าจะ “ทำ หรือ ไม่ทำประกัน” เพราะสถาบันการเงินไม่มีสิทธิ์บังคับให้กับผู้กู้ซื้อบ้านซื้อประกัน MRTA เด็ดขาด หากเจอเหตุการณ์แบบนี้สามารถส่งเรื่องร้องเรียนไปที่ เว็บไซต์ คปภ. ได้เลยครับ

ด้วยความที่เบี้ยประกันค่อนข้างสูง หรืออาจมีระยะเวลาการกู้ที่สั้น เลยทำให้หลายคนไม่ค่อยนิยมทำประกัน MRTA เวลายื่นรีไฟแนนซ์บ้าน หรือยื่นกู้ซื้อบ้าน แต่จะดีกว่ามาก หากผู้กู้ซื้อบ้านทำประกัน MRTA ควบคู่กับการผ่อนบ้านไปด้วย เพราะจะทำให้ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้รับผลประโยชน์ในภายหลัง รวมถึงทำให้ดอกเบี้ยผ่อนบ้านถูกลงเยอะอีกด้วย !

สรุป

หากกู้ซื้อบ้านแล้วเสียชีวิต นอกจากบ้านจะเป็นมรดกตกทอดแล้ว ยังมีความรับผิดชอบติดสอยห้อยตามมาด้วย ซึ่งก็คือหนี้บ้านนั่นเอง ในกรณีที่ผู้กู้ซื้อบ้านไม่มีผู้กู้ร่วม หนี้สินทั้งหมดจะตกเป็นของผู้รับผลประโยชน์ หรือทายาทในทันที แต่ยังมีความโชคดีคือ ผู้รับผลประโยชน์สามารถเลือกได้ว่าจะ “ผ่อนบ้านต่อไปให้หมด” หรือ “ผ่อนบ้านไม่ไหว ปล่อยยึดไปเลย” ตามแต่ที่สะดวกใจ ซึ่งการทำประกันคุ้มครองทรัพย์สิน หรือ MRTA ไว้ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ครับ

Let us know who you are

Tell Us more about your project

When do you want to talk?

Select your preferable date under the next 4 weeks period